เจาะลึก... ตำแหน่งทางวิชาการเฉพาะด้าน (ไม่ยากเกินความสามารถ)

           ศ.ดร.วิโฬฏฐ์ วัฒนานิมิตกูล

 

          ในแวดวงคณาจารย์ระดับอุดมศึกษาในเวลานี้ มีเรื่องราวให้เรียนรู้ภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงไปในหลายด้าน  หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ คือการเปิดโอกาสให้คณาจารย์ที่ไม่มีเวลาหรือโอกาสมากพอ  ในการจัดทำผลงานทางวิชาการต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็น   การวิจัย การเขียนตำรา หนังสือ หรือผลงานในลักษณะอื่น   เพื่อการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการในระดับผู้ช่วยศาสตราจารย์              รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ เนื่องจากคณาจารย์ในกลุ่มนี้มีภารกิจส่วนใหญ่ผูกพันกับภารกิจด้านใดด้านหนึ่งเป็นการเฉพาะ อาทิ การลงพื้นที่เพื่อการพัฒนาชุมชน การคิดค้นนวัตกรรม การพัฒนาการเรียนการสอน เป็นต้น ซึ่งความทุ่มเทในการปฏิบัติงานเฉพาะดังกล่าวนำมาซึ่งความก้าวหน้าในเชิงวิชาการได้เป็นอย่างมากมาย  ในเวลานี้ ประกาศ ก.พ.อ.เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์   รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ.2564 ได้เปิดช่องทางให้คณาจารย์กลุ่มดังกล่าว ได้นำผลงานทางวิชาการที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติภารกิจเฉพาะด้านเหล่านั้นมาเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการได้

          ภายใต้ความสนใจในการจัดทำผลงานทางวิชาการเฉพาะด้านดังกล่าว คณาจารย์จำนวนมากต่างพากันวิตกกังวลว่า  หากวิธีการเสนอขอกำหนดตำแหน่งเฉพาะด้าน ไม่จำเป็นต้องทำวิจัย แต่งหนังสือหรือตำรา และใช้ผลงานทางวิชาการที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติงานเฉพาะด้านมาจัดส่งแทน คงต้องเป็นผลงานที่มีความลึกซึ้ง มีกลไกที่ซับซ้อน และมีคุณภาพในระดับสูงมาก ๆ และน่าจะ “ยากเกินความสามารถ” ในการจะนำเสนอในการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการและยังมีคำถามต่าง ๆ อีกมากมายที่ต้องการคำตอบเพื่อประกอบการตัดสินใจในการเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการเฉพาะด้าน

          ในโอกาสนี้ผู้เขียนจึงขอ “เจาะลึก” ถึงคำถามสำคัญ ๆ  10 คำถาม เกี่ยวกับการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการเฉพาะด้าน ดังนี้

          คำถามที่ 1 การขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการปัจจุบันมีกี่แนวทาง อะไรบ้าง

          คำตอบคือ ตามสาระในประกาศ ก.พ.อ. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์           รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ.2564 ได้กำหนดแนวทางในการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ จำแนกเป็น 2 แนวทาง คือ        1) ตำแหน่งทางวิชาการทั่วไป แนวทางนี้เป็นแนวทางเดิมที่เราใช้กันมาอย่างต่อเนื่อง โดยต้องเลือกทำผลงานทางวิชาการที่หลากหลายในการเสนอขอแต่ละครั้ง ตามหลักเกณฑ์ที่ประกาศ ก.พ.อ.กำหนดไว้ 2) ตำแหน่งทางวิชาการเฉพาะด้าน  แนวทางนี้เป็นแนวทางใหม่สำหรับคณาจารย์ที่เป็นนักปฏิบัติในพื้นที่ หรือในศาสตร์เฉพาะ แต่ที่ไม่มีโอกาสและเวลาเพียงพอในการจัดทำผลงานประเภทงานวิจัย ตำรา หรือหนังสือ รวมทั้งผลงานในลักษณะอื่น ได้นำผลงานงานจากการปฏิบัติในพื้นที่ หรือในศาสตร์เฉพาะนั้น ๆ มาเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ

          คำถามที่ 2 ตำแหน่งทางวิชาการเฉพาะด้าน มีผลงานที่สามารถนำมาเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการในด้านใดบ้าง

          คำตอบคือ มีผลงานทางวิชาการเฉพาะด้านทั้งหมด 5 ด้าน คือ 1) ด้านรับใช้ท้องถิ่นและสังคม   2) ด้านสร้างสรรค์สุนทรียะ ศิลปะ       3) ด้านการสอน 4) ด้านนวัตกรรม และ 5) ด้านศาสนา

            คำถามที่ 3 จะทราบได้อย่างไรว่า อาจารย์ท่านใดได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการเฉพาะด้าน

          คำตอบคือ ผู้ขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการที่เสนอผลงานเฉพาะด้าน เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ  ในคำสั่งแต่งตั้งนั้น ๆ จะระบุตำแหน่งทางวิชาการด้านที่เสนอขอ พร้อมทั้งระบุสาขาวิชาของตำแหน่งทางวิชาการนั้น ๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญของผู้ขอ เช่น      ผู้ช่วยศาสตราจารย์(ด้านรับใช้ท้องถิ่นและสังคม) สาขาปฐพีศาสตร์     รองศาสตราจารย์(ด้านการสอน) สาขาวิชากฎหมายมหาชน       ศาสตราจารย์(ด้านสร้างสรรค์สุนทรียะ ศิลปะ) สาขาวิชาทัศนศิลป์ เป็นต้น

          คำถามที่ 4 ผลการประเมินผลงานทางวิชาการระดับ B  A  A+ เมื่อเทียบกับผลการประเมินทางวิชาการแบบเดิมที่มีระดับ พอใช้  ดี  ดีมาก  ดีเด่น จะเป็นเช่นไร

          คำตอบคือ กระทรวงการอุดมศึกษา ฯ ได้เคยตอบข้อซักถามของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเรื่องการเทียบระดับการประเมินไว้ สรุปได้ดังนี้


          คำถามที่ 5 กรณีผู้ขอกำหนดตำแหน่งไม่ได้จัดทำผลงานแต่เพียงผู้เดียว จะกำหนดสัดส่วนกับผู้ร่วมจัดทำผลงานทางวิชาการอย่างไร

          คำตอบคือ สาระสำคัญในประกาศ ก.พ.อ. ฉบับ พ.ศ.2564 ได้กล่าวไว้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วม สรุปได้ดังนี้

                       แบบทั่วไป  ยกเลิกการระบุปริมาณงานเป็นร้อยละ โดยกำหนดการมีส่วนร่วมระบุให้อยู่ภายใต้เงื่อนไข ในลักษณะต่อไปนี้

                                 (1) ผู้ประพันธ์อันดับแรก (first author)

                                 (2) ผู้มีส่วนสำคัญทางปัญญา (essentially intellectual contributor)

                                 (3) ผู้ประพันธ์บรรณกิจ (corresponding author)

                     แบบเฉพาะด้าน  ระบุปริมาณงานเป็นร้อยละในผลงานสร้างสรรค์ด้านสุนทรียะ ศิลปะ และผลงานศาสนา ส่วนผลงานรับใช้ท้องถิ่นและสังคม ผลงานการสอน และผลงานนวัตกรรม ระบุการมีส่วนร่วมเหมือนแบบทั่วไป

          คำถามที่ 6 ลักษณะการมีส่วนร่วม ทั้ง 3 ลักษณะ มีรายละเอียดสำคัญอะไรบ้าง

          คำตอบคือ รายละเอียดของลักษณะการมีส่วนร่วม สรุปได้ดังนี้

                   1) ผู้ประพันธ์อันดับแรก (first author) หมายถึง ผู้ที่มีชื่อในผลงานวิชาการเป็นชื่อแรก รับผิดชอบการทำผลงานวิชาการ และเขียนต้นฉบับ(manuscript) ชิ้นนั้นด้วยตนเอง

                   2) ผู้มีส่วนสำคัญทางปัญญา (essentially intellectual contributor) หมายถึง บุคคลที่มีบทบาทมีส่วนสำคัญทางปัญญา (essentially intellectual contribution)  ด้วยความเชี่ยวชาญจำเพาะในสาขาวิชาของตนเอง และความรับผิดชอบสำคัญในการออกแบบการวิจัย (research design) หรือการออกแบบงานวิชาการนั้น ๆ รวมทั้งวิเคราะห์ข้อมูล (data analysis) สรุปผลและให้ข้อเสนอแนะ  

                  3) ผู้ประพันธ์บรรณกิจ (corresponding author) หมายถึง บุคคลที่มีบทบาทและความรับผิดชอบในการเผยแพร่ผลงานวิจัย หรือผลงานวิชาการ ให้เกิดการถ่ายทอดเป็นเรื่องราว แสดงให้เห็นถึงคุณค่าทางวิชาการที่ประกอบด้วย การแสดงข้อมูล หลักฐาน ข้อคิดเห็น และประสบการณ์ รวมทั้งทำหน้าที่รับผิดชอบติดต่อกับบรรณาธิการ

          คำถามที่ 7 ในการเสนอขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการด้วยผลงานวิชาการเฉพาะด้าน  แยกเป็นวิธีปกติหรือวิธีพิเศษ หรือไม่

          คำตอบคือ ในการเสนอด้วยผลงานทางวิชาการเฉพาะด้าน สามารถเสนอได้ทั้ง 2 วิธี ดังนี้

                     1) วิธีปกติ  ในกรณีที่ผู้เสนอขอมีคุณสมบัติครบถ้วนในช่วงเวลาที่เสนอขอกำหนดตำแหน่ง

                     2) วิธีพิเศษ ในกรณีที่ผู้เสนอขอมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน หรือเปลี่ยนแปลงความเชี่ยวชาญจากระดับตำแหน่งทางวิชาการเดิมที่ดำรงอยู่

          คำถามที่ 8 ในการพิจารณาของผู้ทรงคณวุฒิ ต้องใช้ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนกี่ท่าน และมีเกณฑ์การตัดสินแตกต่างกันหรือไม่ ในกรณีที่ขอวิธีปกติและวิธีพิเศษ

          คำตอบคือ ในการพิจารณาผลงานทางวิชาการทั้ง 2 วิธี ต้องใช้ผู้ทรงคุณวุฒิ อย่างน้อย 3 คน โดยในวิธีปกติให้ถือเสียงข้างมากของผู้ทรงคุณวุฒิประเมินผลงานทางวิชาการ ส่วนในวิธีพิเศษให้ถือเสียงเอกฉันท์ของผู้ทรงคุณวุฒิประเมินผลงานทางวิชาการ

          คำถามที่ 9 หลักเกณฑ์และวิธีการในการพิจารณาการขอกำหนดตำแหน่งโดยใช้ผลงานทางวิชาการเฉพาะด้าน มีวิธีการอย่างไร

          คำตอบคือ การพิจารณาผลงานทางวิชาการเฉพาะด้าน ประกอบด้วยหลักเกณฑ์ ดังนี้





           คำถามที่ 10 เทคนิควิธีการในการจัดทำผลงงานทางวิชาการเฉพาะด้านให้ประสบความสำเร็จ   ควรทำอย่างไร

          คำตอบคือ เทคนิควิธีการในการจัดทำผลงงานทางวิชาการเฉพาะด้านให้ประสบความสำเร็จ ประกอบด้วยการดำเนินงาน 5 ประการ ดังนี้  

              ประการที่ 1 ศึกษา/ ทำความเข้าใจ ผลงานทางวิชาการเฉพาะด้านในแต่ละประเภท          โดยพิจารณาในประเด็นต่อไปนี้  1) นิยาม  2) รูปแบบ 3) การเผยแพร่ และ4) ลักษณะคุณภาพ  เพื่อให้เข้าใจผลงานทางวิชาการเฉพาะด้านในประเภทต่าง ๆ อย่างชัดเจน รวมทั้งเงื่อนไขต่าง ๆ ของผลงานแต่ละประเภทด้วย เช่น ผลงานรับใช้ท้องถิ่นและสังคม ได้กำหนดรายละเอียดที่สำคัญไว้ ดังนี้

                      นิยามของผลงานรับใช้ท้องถิ่นและสังคม : ผลงานที่เกิดจากการดำเนินงานที่เป็นการ  บูรณาการองค์ความรู้จาก          สถาบันอุดมศึกษา  ร่วมกับภาคีเครือข่ายภายในและภายนอกชุมชน  ไปใช้ในบริบทเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและสังคมในมิติต่าง ๆ โดยใช้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาอย่างน้อยหนึ่งสาขาวิชา และปรากฏผลที่สามารถประเมินได้เป็นรูปธรรมเชิงประจักษ์ต่อสาธารณะ

                     รูปแบบเอกสารผลงานรับใช้ท้องถิ่นและสังคม จัดทำเป็นเอกสารและมีคำอธิบายหรือคำชี้แจงที่ชัดเจน  รายละเอียดเนื้อหาของเอกสารแสดงให้เห็นถึงองค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้

1)     การมีส่วนร่วมและการยอรับของท้องถิ่นเป้าหมาย

2)     สภาพการณ์ของท้องถิ่นและสังคมก่อนการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

3)     กระบวนการที่ทำให้ท้องถิ่นและสังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น

4)     ความรู้หรือความเชี่ยวชาญที่ใช้ในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

5)     การคาดการณ์สิ่งที่จะตามมาหลังการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นแล้ว

6)     การประเมินผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากความรู้หรือความเชี่ยวชาญจากสาขาของผู้ยื่นขอ

7)     แนวทางการติดตามและธำรงรักษาพัฒนาการที่เกิดขึ้นให้คงอยู่ต่อไป                                                                              

          จากสาระสำคัญของผลงานรับใช้ท้องถิ่นและสังคม ดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า คณาจารย์ที่จะเสนอขอกำหนดตำแหน่งเฉพาะด้านด้วยผลงานประเภทนี้ จำเป็นต้องเข้าใจถึงนิยามของผลงานและที่สำคัญยิ่งต้องศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบเอกสารคำอธิบายหรือคำชี้แจง ซึ่งต้องเก็บรวบรวมข้อมูลในหลายลักษณะในของแต่ละช่วงเลาที่ดำเนินงาน เพื่อทำให้เกิดความสมบูรณ์ของผลงานทางวิชาการนี้                    

              ประการที่ 2 เลือกรูปแบบ/วิธีการเสนอและผลงานวิชาการที่ใช้ในการเสนอขอ  ดังนี้

                           ขั้นที่ 1 ตรวจสอบข้อมูลพื้นฐานของผู้ขอกำหนดตำแหน่ง

                                    1.1 คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง

                                    1.2 ระยะเวลาที่กำหนดไว้

                                    1.3 ข้อจำกัดต่างๆ  

                                    1.4 ปัจจัยเสริมในการจัดทำผลงาน

                           ขั้นที่ 2 การเลือกรูปแบบ/วิธีการในการจัดทำผลงานทางวิชาการ

                                    2.1 ทบทวนหลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำผลงานทางวิชาการ

                                    2.2 ตัดสินใจเลือกวิธีการและประเภทของผลงานที่จะจัดทำ

               ประการที่  3 วางแผนการจัดทำผลงาน  ดังนี้

                            ขั้นที่ 1 ระบุวิธีการในการขอกำหนดตำแหน่งทางวิชาการ

                            ขั้นที่ 2 กำหนดรายการปฏิบัติต่าง ๆที่เกี่ยวข้องผลงานทางวิชาการนั้น ๆ                

                                      2.1 การประเมินผลการสอน

                                              2.1.1 เอกสารหลักฐานที่ใช้ประกอบการสอน

                                              2.1.2 ภาคเรียนที่จะเข้ารับการประเมินผลการสอน

                                      2.2 ผลงานทางวิชาการ

                                              2.2.1 ระบุจำนวนผลงานทางวิชาการ (ตามเกณฑ์ขั้นต่ำเป็นอย่างน้อย)

                                              2.2.2 แจกแจงรายการปฏิบัติต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลงานทางวิชาการ

                            ขั้นที่ 3 นำไปจัดทำเป็นแผนปฏิบัติราชการที่ระบุรายการเป้าหมาย และช่วงเวลาปฏิบัติที่ชัดเจน



               ประการที่ 5 การจัดส่งผลงานเพื่อรับการประเมิน โดยจัดส่งผ่านสาขาวิชา คณะ ไปยังงานกำหนดตำแหน่งทางวิชาการตามลำดับ เพื่อดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติต่อไป

           จากคำตอบข้างต้น เมื่อคณาจารย์ได้อ่านคำตอบและทำความเข้าใจกับคำตอบเหล่านั้นแล้ว คงทำให้คณาจารย์เกิดความเชื่อที่ว่า จะสามารถเสนอขอตำแหน่งทางวิชาการเฉพาะด้านได้อย่างมั่นใจขึ้น เพราะการทำผลงานทางวิชาการเฉพาะด้าน “ไม่ยากเกินความสามารถของคณาจารย์ทุกคนอย่างแน่นอน”


เอกสารอ้างอิง

ประกาศ ก.พ.อ.หลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์

            รองศาสตราจารย์ และศาสตราจารย์ พ.ศ.2564. (2565, 7 มกราคม). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 139

            ตอนพิเศษ 4 ง. หน้า 22-50.









ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

จัดทำตำราและหนังสืออย่างไรให้”โดนใจ”ผู้ประเมิน

เทคนิคการสร้างองค์ความรู้

เทคนิคการสร้างองค์ความรู้